ปราสาทสัจธรรม
The Sanctuary of Truth

     .....คนไทยถ้าตั้งใจจะทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก.....เป็นคำกล่าวในโฆษณาทางโทรทัศน์ชิ้นหนึ่งซึ่งทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง และหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทยที่สามารถพิสูจน์ยืนยันถึงคำกล่าวดังข้างต้นนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth).....ปราสาทไม้แกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลในเขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี.....

..........หลากหลายมุมมองของปราสาทไม้แกะสลักหลังใหญ่ที่สุดในโลก..........

ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) ผลงานสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าแห่งเมืองพัทยา

     ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth): สถาปัตยกรรมแห่งความจริงอันเป็นอมตะ

     ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น.....ตั้งอยู่ และ ดับไป ตามเหตุปัจจัยซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งการก่อเกิด.....ดำรงอยู่ และเปลี่ยนแปลงของ ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) ก็ย่อมต้องมีมูลเหตุปัจจัยอันเป็นรากฐานจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกัน และหากว่าเราได้ลองศึกษาถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์รวมถึงปรัชญาอันเป็นจุดกำเนิดของปราสาทไม้แกะสลักหลังใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ดูสักหน่อยล่ะก็.....เราจะสามารถชื่นชมกับความงดงามของศิลปะด้านต่างๆ ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็น ปราสาทสัจธรรม ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

.........................ภาพถ่ายเบื้องหน้าปีกด้านทิศใต้.........................

เมื่อเทียบกับ ปราสาทสัจธรรม แล้ว...............ช้างยังดูตัวเล็กไปเลย !!

     ......ต่อไปนี้ คือ ประวัติและปรัชญาในการก่อสร้างปราสาทสัจธรรม..........
   
     .....ภายหลังจากยุคสงครามเย็นมาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน.....โลกได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอารยธรรมตะวันตกซึ่งครอบคลุมไปด้วยแนวคิดทางด้านวัตถุนิยมและมุ่งเน้นการพัฒนาเฉพาะวิทยาการซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ สภาพแวดล้อมในธรรมชาติถูกทำให้เสื่อมทรามลง.....มนุษย์เริ่มถอยห่างจากคุณค่าและภูมิปัญญาของยุคเก่า.....ผู้คนจำนวนมากละทิ้งการให้ความสำคัญกับความสงบสุขทางจิตวิญญาณและศีลธรรมอันดีงาม ทัศนคติที่พยายามจะควบคุมสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติให้เป็นไปอย่างใจได้เปลี่ยนแปลงคนบางคนจนกลายเป็นผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยอัตตาทิฐิที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้าของตน.....ไม่ว่าจะเป็นการโกหกหลอกลวง ลักขโมย ฉ้อโกง หรือ แม้กระทั่งการทำลายชีวิตของบุคคลอื่นโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ซึ่งจะเกิดขึ้นตามมาในภายภาคหน้าและไม่เชื่อในคติเรื่องชีวิตหลังความตาย

.........................ดุจดั่งเทพเนรมิต.........................

....................ราวกับการร่ายรำบนสรวงสวรรค์....................

     ความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ของโลกดังกล่าวข้างต้นทำให้ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ (ผู้ก่อตั้งบริษัทวิริยะประกันภัย และบริษัทเมืองโบราณ) มีแนวความคิดที่จะก่อสร้างผลงานสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ขึ้น ณ เมืองพัทยา เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกๆ คนฉุกคิดถึงความเป็นจริงที่ว่า.....มนุษย์นั้นเปรียบเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นธุลีเล็กๆ ของจักรวาล และสุดท้ายก็จะกลับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้ เมื่อวัตถุแลเครื่องประกอบสังขารต่างๆ เสื่อมถอยและถูกทำลายสลายลงไปในกาลเวลา.....ก็จะคงเหลือไว้เพียงแค่ความจริง(สัจธรรม)และคุณงามความดีซึ่งยังอยู่ยืนยงราวกับเป็นอมตะ

     .....ด้วยเหตุนี้เอง.....ผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามนุษย์จึงมิควรที่จะดำเนินชีวิตไปเพียงเพื่อต่อสู้.....แย่งชิง.....ไขว่คว้า.....เอารัดเอาเปรียบ.....และ ประหัตประหารเบียดเบียนกันเพื่อครอบครองวัตถุซึ่งกอปรไปด้วยสภาพที่ไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืน และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะนั่นจะทำให้เราไม่สามารถค้นพบความสุขแท้จริงอันเป็นนิจนิรันดรซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในจิตวิญญาณของเราได้.....

..........................ชุมนุมเทวดา บนหลังคาปราสาท...........................

ความงดงามของ ปราสาทสัจธรรม มีให้พบเห็นได้ตั้งแต่ยอดจรดฐานเลยนะ !!

     ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) เริ่มต้นก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2524 บริเวณแหลมราชเวชในเขตพื้นที่เมืองพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้มีส่วนช่วยให้ผู้เข้าชมตระหนักถึงความเป็นจริงของชีวิตผ่านการใช้ชิ้นงานไม้แกะสลักต่างๆ บอกเล่าถึงเรื่องราวความเชื่อ.....ตำนาน และ สัจธรรมที่แต่ละศาสนาได้ค้นพบ เป็นการใช้สิ่งซึ่งเป็นรูปธรรมดึงดูดให้ผู้เข้าชมตั้งคำถามแล้วหันกลับมาสนใจในปรัชญาและความหมายทางนามธรรมที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังได้อย่างงดงาม

     ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ชีวิตของคุณเล็กจะได้ดับสิ้นลงไปแล้วและการก่อสร้างปราสาทสัจธรรมก็ยังคงไม่เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ หากแต่พี่น้องลูกหลานในตระกูลวิริยะพันธุ์ท่านอื่นๆ ก็ได้สืบสานความตั้งใจและปณิธานอันแรงกล้าในการก่อสร้างปราสาทไม้แกะสลักหลังใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้มาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

.........................ลวดลายแกะสลักอันอ่อนช้อยโดยรอบตัวอาคาร.........................

..........บันไดทางเดินซึ่งเชื่อมต่อระหว่างโถงกลางและโถงด้านทิศตะวันออก..........

     ความหมายในองค์ประกอบศิลป์ของปราสาทสัจธรรม

     ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) คือ ปราสาทไม้แกะสลักที่มีความสูงราว 100 เมตร กว้างราว 100 เมตร มีพื้นที่ภายในราว 2,115 ตารางเมตร และมีพื้นที่โดยรอบบริเวณตัวปราสาทประมาณ 80 ไร่ ทุกชิ้นส่วนของตัวปราสาทสัจธรรมจำหลักตกแต่งด้วยไม้ทั้งหมดโดยใช้รูปแบบศิลปกรรมที่หลากหลาย.....ไม่ปิดกั้นว่าเป็นลักษณะศิลปะของชนชาติใดหรือศาสนาใด หากแต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งอารยธรรมและภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวตะวันออกที่สั่งสมกันมานานนับพันปี

     เมื่อค่อยๆ เดินชมทั้งภายนอกและภายในตัวปราสาทสัจธรรมจนถ้วนทั่ว เราจะได้พบกับห้องโถงและชิ้นงานแกะสลักอันงดงามมากมายซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมายดังต่อไปนี้

.........................ความวิจิตรแห่งไม้จำหลัก.........................

     .....มนุษย์ไม่สามารถก่อกำเนิดและดำรงอยู่ได้หากปราศจากผู้สร้างทั้ง 7 ได้แก่ สรวงสวรรค์ (ผืนนภา) , โลก (ปฐพี) , บิดา , มารดา , ดวงตะวัน , จันทรา และ หมู่ดาว.....นี่คือ.....กรอบแนวคิดหลักที่ศิลปินใช้สรรค์สร้างชิ้นงานแกะสลักซึ่งตกแต่งประดับประดาอยู่ภายในปราสาทสัจธรรม .....ส่วนภายนอก.....บริเวณยอดแหลมทั้ง 4 ด้านของตัวปราสาทแกะสลักเป็นเทพยดา 4 องค์ สื่อความหมายถึงเหตุมูลฐาน 4 ประการที่จะนำพามนุษย์ไปสู่โลกอุดมคติตามหลักปรัชญาตะวันออก (อุดมคติ : น. จุดหมายที่ถือว่าเป็นมาตรฐานแห่งความดีงามและความจริงซึ่งเป็นเป้าหมายในชีวิตของตน)

     เทพยดาถือดอกบัว หมายถึง การสร้างรากฐานของศาสนาซึ่งเปรียบประดุจดั่งเสาหลักที่คอยค้ำจุนโลก

     เทพยดาจูงเด็กและคนชรา หมายถึง ชีวิตที่ยอมเสียสละเพื่อมนุษยธรรม

     เทพยดาถือคัมภีร์ หมายถึง การสืบสานหลักปรัชญาความรู้อันเป็นอมตะ

     เทพยดาซึ่งมีนกพิราบเกาะอยู่บนมือ หมายถึง สันติภาพ

จากความจริงอันเป็นอมตะ...............ถูกถ่ายทอดสู่ศิลปะเชิงสัญลักษณ์แห่ง ปราสาทสัจธรรม

.........................ทุกชิ้นส่วนล้วนรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง.........................

     สำหรับยอดสูงสุดของปราสาทสัจธรรมซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างยอดทั้ง 4 ด้านนั้นสลักเสลาเป็นรูปเทพยดาขี่ม้าโดยชูนกเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง แทนสัญลักษณ์ของพระเมตไตรยโพธิสัตว์.....ผู้ซึ่งเคยได้รับคำพยากรณ์จากพระโคตมพุทธเจ้าว่าจะได้ตรัสรู้เป็น พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า.....พระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัป (กัป : น. ระยะเวลาตั้งแต่การอุบัติขึ้นของโลกจวบจนกระทั่งถึงโลกถูกทำลาย , ภัทรกัป : น. กัปอันเจริญ คือ กัปในปัจจุบันนี้ซึ่งมีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้แล้วถึง 4 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า.....พระโกนาคมนพุทธเจ้า.....พระกัสสปพุทธเจ้า.....พระโคตมพุทธเจ้า และ ได้มีการอ้างอิงพุทธทำนายของพระโคตมพุทธเจ้าไว้ว่า.....พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า.....จะเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายที่ลงมาจุติในภัทรกัปนี้)

รูปสลักภายในโถงด้านทิศใต้ : ผู้สร้างวิถีชีวิตและความเป็นไปแก่โลก

เพียงแค่แหงนหน้าขึ้นมองเพดาน..........ก็จะได้พานพบกับความอลังการในสายตา

     บันไดทางขึ้นสู่ตัวปราสาทสัจธรรมเป็นลักษณะศิลปะแบบบาหลีแกะสลักลวดลายรูปมนุษย์แบกบันได แฝงไว้ด้วยความหมายว่าทุกๆ คนล้วนแล้วแต่มีภาระหน้าที่ซึ่งจำเป็นต้องแบกรับตั้งแต่เกิดจนตาย และเมื่อคุณเดินขึ้นมาถึงภายในตัวปราสาท.....คุณจะได้พบกับห้องโถงใหญ่ทั้งหมด 5 ห้อง โดยแต่ละห้องก็จะมีประติมากรรมไม้แกะสลักซึ่งให้ความหมายแตกต่างกันออกไป

     ห้องโถงที่ 1 การก่อกำเนิดของสรรพสิ่งและที่ตั้งของชีวิต : ห้องโถงนี้ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของปราสาทสัจธรรม ภายในประดับตกแต่งด้วยชิ้นงานไม้แกะสลักซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลและโลก.....โลกประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ.....ในศาสนาฮินดู.....เชื่อว่ามี พระศิวะ(เทพเจ้าแห่งการก่อกำเนิดและการทำลายล้าง)เป็นผู้ควบคุมดูแลธาตุดินและธาตุไฟ พระวิษณุ(เทพเจ้าแห่งการปกปักรักษา)เป็นผู้ควบคุมดูแลธาตุน้ำ และ พระพรหม(เทพเจ้าผู้ออกแบบชีวิตและสรรพสิ่ง)เป็นผู้ควบคุมดูแลธาตุลม.....ทั้ง 3 องค์รวมกันเป็น ตรีมูรติ ผู้สรรค์สร้างควบคุมและดูแลจักรวาล

คุณจะไปหาชมงานแกะสลักชั้นครูแบบนี้ได้ที่ไหน ? ถ้าไม่ใช่ที่ ปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

ณ โถงด้านทิศตะวันตก : การก่อกำเนิดของสรรพสิ่งและที่ตั้งของชีวิต

     ในศาสนาพุทธ.....มีคติว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามเหตุปัจจัยซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา.....ไม่เว้นแม้แต่โลกหรือจักรวาล เมื่อมีเหตุปัจจัยที่เหมาะสมของสสาร แร่ธาตุ และพลังงาน เมื่อนั้นจักรวาล.....โลก.....รวมถึงสรรพสิ่งต่างๆ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตก็จะถือกำเนิดขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้มีจุดเริ่มต้น.....จุดจบ หรือ ตัวตนที่แท้จริง.....หากแต่เป็นเพียงกระบวนการธรรมดาตามธรรมชาติเท่านั้น

     หลังคาภายนอกอาคารของโถงที่ 1 เป็นประติมากรรมไม้แกะสลักลอยตัวรูปเศียรพระโพธิสัตว์สี่พักตร์ สื่อถึงพรหมวิหารธรรม 4 ประการซึ่งเป็นหลักธรรมอันเป็นฐานแห่งการตั้งอยู่ของพรหม ได้แก่ เมตตา.....กรุณา.....มุทิตา และ อุเบกขา (อีกนัยหนึ่ง.....พรหมวิหาร 4 หมายถึง หลักธรรมอันประเสริฐของผู้นำและผู้ปกครองแผ่นดิน) ส่วนยอดบนสุดของหลังคาแกะสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์เหยียบกิเลนและหงส์แทนความหมายว่า แผ่นดินอันประเสริฐนี้ปกครองโดยราชันผู้ทรงธรรม

...............จากเรื่องราวในศาสนาฮินดู สู่งานศิลป์แห่งแผ่นดินไทย...............

    ห้องโถงที่ 2 ผู้สร้างวิถีชีวิตและความเป็นไปแก่โลก : ภายในห้องโถงทางด้านทิศใต้ของปราสาทสัจธรรมแห่งนี้ประกอบไปด้วยชิ้นงานแกะสลักเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงผู้สร้างสิ่งแวดล้อมต่างๆ บนโลก รวมถึงเหตุปัจจัยซึ่งมีอิทธิพลสำคัญต่อวิถีชีวิตของสรรพสิ่ง โดย.....พระอาทิตย์.....ทำให้เกิดกลางวันกลางคืน มอบแสงสว่าง พลังงาน และชีวิต รวมถึงสรรค์สร้างฤดูกาล.....พระจันทร์.....ก่อปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และข้างขึ้นข้างแรม.....ดวงดาว.....เชื่อมโยงส่งผลต่อพฤติกรรมของสรรพสิ่ง (อาทิเช่น ดาวอังคาร.....ส่งผลให้ผู้ซึ่งได้รับอิทธิพลของดาวดวงนี้มีอุปนิสัยขยัน อดทน กล้าหาญ ดาวพุธ.....ส่งผลให้ผู้ซึ่งได้รับอิทธิพลของดาวดวงนี้มีอุปนิสัยอ่อนหวาน สุภาพ เรียบร้อย เป็นต้น) ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ในการดำรงชีพ แต่มนุษย์แตกต่างกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ตรงที่มีมโนธรรมและปัญญาทำให้สามารถเรียนรู้.....ปฏิบัติ.....รวมถึงพัฒนาตนเองจนกระทั่งหลุดพ้นจากห้วงทุกข์ได้

...............แสงสีสลัวในโถงกลาง....................สถานที่ประดิษฐานมหาบุษบก...............

.........................คล้ายกับว่า..........ไม้มีชีวิต ?.........................

     ห้องโถงที่ 3 เทพบิดร เทพมารดา : ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทสัจธรรม ภายในประดับตกแต่งไว้ด้วยประติมากรรมไม้สลักเสลาเป็นสัญลักษณ์ของครอบครัว สร้างสรรค์ผลงานจากกรอบแนวคิดที่ว่า.....มนุษย์เป็นสัตว์สังคมซึ่งมีการอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว.....หมู่บ้าน.....เมือง......ประเทศ และ โลก.....หากทุกๆ คนเอาแต่กระทำตามความอยากหรือความต้องการของตนเองเพียงถ่ายเดียว การเอารัดเอาเปรียบ.....การฉ้อฉลคดโกง.....การโกหกหลอกลวง.....การเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหงจนยากที่จะหาความสงบสุขในสังคมได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงธรรมเพื่อประโยชน์สุขในการอยู่ร่วมกันไว้ โดยมีครอบครัวเป็นรากฐานจุดเริ่มต้นสำคัญของการอบรมศีลธรรมและวัตรปฏิบัติอันดีงามต่างๆ.....บิดามารดาจึงมีหน้าที่อันควรพึงปฏิบัติต่อบุตรธิดาในฐานะบุพการี (บุพการี : น. ผู้ทำอุปการะก่อน ผู้ทำความดีหรือประโยชน์ให้แต่ต้นโดยไม่ได้คิดถึงผลตอบแทน) เฉกเช่นเดียวกันกับที่บุตรธิดาพึงมีหน้าที่กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา (กตัญญูกตเวที : น. ผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วแก่ตน และพึงตอบแทนสนองคุณท่าน)

.......................อีกมุมหนึ่งในโถงด้านทิศใต้ของ ปราสาทสัจธรรม.......................

...............ประติมากรรมไม้แกะสลักแบบจีนบริเวณปีกด้านทิศเหนือ...............

     หน้าที่ของผู้เป็นบิดามารดา (บุพการี) อันพึงปฏิบัติต่อบุตรธิดา ได้แก่ ให้ชีวิตและเลี้ยงดูรักษาจนรอดปลอดภัย.....สั่งสอนให้ประพฤติดี ห่างไกลความชั่ว.....ให้การศึกษาและอาชีพการงาน.....จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลาอันควร.....มอบมรดกหรือทรัพย์สินเพื่อสืบต่อวงศ์ตระกูล

     หน้าที่ของบุตรธิดาอันควรประพฤติเพื่อตอบแทนคุณบิดามารดา (กตัญญูกตเวที) ได้แก่ มีน้ำใจ เลี้ยงดูตอบแทนด้วยความสำนึกในเมตตาของท่าน.....ช่วยเหลือการงานด้วยความเคารพเต็มใจ.....รักษาชื่อเสียงและเกียรติแห่งวงศ์ตระกูล.....ปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับการครองมรดก.....ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เสมอเมื่อท่านล่วงลับ

     .....เหล่านี้คือคุณธรรมความดีงามซึ่งมนุษย์พึงปฏิบัติต่อกันโดยมีจุดเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัว.....

แม้ว่า ปราสาทสัจธรรม จะก่อสร้างมานานเกินกว่า 30 ปี แต่ช่างศิลป์ที่นี่ก็ยังคงพากเพียรไม่เคยหยุดหย่อน

     ห้องโถงที่ 4 เหล่าผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนโลก : ผลงานประติมากรรมภายในห้องโถงด้านทิศเหนือของปราสาทสัจธรรมแห่งนี้ถูกจำหลักเป็นลวดลายเหล่าทวยเทพ เซียน และ พระโพธิสัตว์ตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน (โพธิสัตว์ : น. ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต) โดยพระโพธิสัตว์ที่ยังคงท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนั้นอาจเป็นได้ทั้งเทวดา.....มนุษย์.....รวมถึงสัตว์เดรัจฉาน หากแต่ต้องมีคุณสมบัติประจำตนที่สำคัญ คือ เป็นผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ความเสียสละ และมีหัวใจที่ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่มีข้อจำกัด.....คุณสมบัติเหล่านี้เองที่ถือเป็นสิ่งซึ่งช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนโลก อีกทั้งยังเป็นคุณธรรมข้อสำคัญในหลักคำสอนของทุกๆ ศาสนา

.........................งานไม้ในสวน กับ รถม้าพาหนะ.........................

การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยมีให้ชมกันฟรี ๆ ในเวลา 11.30 น.และ 14.30 น.

     ห้องโถงที่ 5 ความจริงอันประเสริฐ : ได้แก่ ห้องโถงกึ่งกลางปราสาทสัจธรรมอันเป็นที่ตั้งของ มหาบุษบก.....บุษบกไม้ทรงสถูปขนาดใหญ่ 4 ด้านซึ่งแกะสลักประดับประดาด้วยลวดลายอันอ่อนช้อยวิจิตรงดงาม ภายในซุ้มไม้แต่ละด้านของมหาบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุของพระอริยสงฆ์ และ ธรรมจักร.....เป็นสื่อสัญลักษณ์แทนความหมายของ อริยสัจ 4 หรือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ได้แก่

     ทุกข์ : สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะซึ่งทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น (อุปาทานขันธ์ 5)

     สมุทัย : สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น (ตัณหา 3)

     นิโรธ : ความดับสิ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวง (นิพพาน)

     มรรค : หนทางปฏิบัติไปสู่ความดับสิ้นแห่งกองทุกข์ (มรรค 8)

...............ใครอยากเป็นอัศวินขี่ม้าขาว.........................เชิญทางนี้สิคะ...............

     จุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธศาสนาก็คือ การเรียนรู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อก่อให้เกิดสติปัญญาที่จะช่วยนำพาบุคคลนั้นๆ ให้หลุดพ้นออกไปจากกองทุกข์ทั้งปวง(นิพพาน) โดยยึดหลักปฏิบัติตามแนวทางสายกลาง (ได้แก่ มัชฌิมาปฏิปทา หรือที่รู้จักกันในอีกฐานะหนึ่งว่าคือ มรรค 8).....ซึ่งการเรียนรู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อให้หลุดพ้นออกไปจากกองทุกข์ทั้งปวงนี้ นอกจากจะทำให้ผู้ปฏิบัติได้มีชีวิตจิตใจที่สงบเย็นแล้ว.....ยังจะทำให้เกิดสันติสุขขึ้นอย่างแท้จริงในสังคมโลกได้ด้วย (เพราะความอยากได้.....อยากมี.....อยากเป็น อันเป็นสาเหตุแห่งกองทุกข์ทั้งปวงและเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มนุษย์ต่างแก่งแย่งแข่งขันเบียดเบียนกัน จะถูกทำลายลงไปด้วยอำนาจแห่งปัญญาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรมนั่นเอง)

     .....สิ่งต่างๆ ทั้งหมดทั้งปวงที่ได้กล่าวมาแล้วดังข้างต้นนี้ถือเป็นเพียงแค่ความหมายส่วนหนึ่งซึ่งแฝงอยู่เบื้องหลังความงดงามแห่งสถาปัตยกรรมของ ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) เท่านั้น.....

.........................ลานวัฒนธรรมยามเย็น.........................

ถ้าเลือกนั่ง Speedboat ออกมาจากบริเวณตัวปราสาทก็มีโอกาสที่จะได้เห็นภาพสวย ๆ แบบนี้

ที่นี่.....ปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth).....สถาปัตยกรรมแห่งความจริงอันเป็นอมตะ

     การเดินทางสู่ปราสาทสัจธรรม : จากวงเวียนปลาโลมา (ตั้งอยู่สุดปลายถนนพัทยาเหนือ) ให้ขับรถไปทางแยกถนนนาเกลือมุ่งหน้าสู่ที่ว่าการ อ.บางละมุง ผ่านซอยนาเกลือ 18.....16.....14.....ไปจนถึงซอยนาเกลือ 12 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยดังกล่าวแล้วขับรถตรงเข้าไปเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอยจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าปราสาทสัจธรรมอยู่ด้านขวามือ


     ถ่ายภาพ เรียบเรียง & เขียนบทความโดย : ตฤณ ณ อัมพร

     สงวนลิขสิทธิ์โดย : เว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com)

     สนับสนุนข้อมูลอ้างอิงโดย : ปราสาทสัจธรรม และ บริษัทเมืองโบราณจำกัด




     รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการจองบัตรปราสาทสัจธรรม ราคาพิเศษ

     เงื่อนไขการจอง และการชำระเงิน

     1. บริการจองบัตรปราสาทสัจธรรม (The Sanctuary of Truth) ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษนี้ จัดให้เฉพาะผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอมซึ่งติดต่อจองล่วงหน้าตามเงื่อนไขด้านล่างต่อไปนี้และมีผลตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2565 เท่านั้น
     2. ต้องสำรองบัตรปราสาทสัจธรรม  (The Sanctuary of Truth) ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน ในช่วงวันทำการปกติ (และล่วงหน้าอย่างน้อย 5 - 7 วัน ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง หรือช่วงเทศกาล)
     3. โทรศัพท์สอบถามการสำรองบัตรปราสาทสัจธรรม  (The Sanctuary of Truth) ตามเบอร์ติดต่อ (089) 137-8702 , (084) 145-0957 , (094) 251-9214
     4. กรณีต้องการสำรองบัตรปราสาทสัจูรรม  (The Sanctuary of Truth) ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษ กรุณาชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนตามจำนวนท่าน และประเภทบัตรซึ่งท่านได้สำรองไว้ (ชำระค่าใช้จ่ายตามราคาโปรโมชั่นในตาราง) ภายใน 2 วัน หลังจากติดต่อสำรองบัตร (และต้องชำระค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยก่อนวันเดินทางจริงล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ในกรณีวันทำการปกติ หรือชำระค่าใช้จ่ายเพื่อสำรองบัตรเข้าชมปราสาทสัจธรรม ให้เรียบร้อยก่อนวันที่เดินทางจริงล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วันในกรณีวันหยุดต่อเนื่องหรือวันหยุดช่วงเทศกาล) โดยโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้เท่านั้น
   

     การชำระเงิน     โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารด้านล่างนี้เท่านั้น

     หมายเหตุ  ราคานี้มีผลตั้งแต่ วันนี้ - 31 ตุลาคม 2565 เท่านั้น