| 
 
 
                    
                      | 
                           ถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย  จ.แม่ฮ่องสอน |  
  จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีถ้ำมากมาย  โดยแต่ละถ้ำ มีจุดน่าสนใจแตกต่างกัน ทางทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com)  ของเรามีโอกาสได้เที่ยวชมถ้ำสวยงามหลายแห่งใน  จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งถ้ำที่จะกล่าวถึงแห่งนี้เป็นถ้ำที่ติดอันดับความสวยงามมากแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดมาชม  “ถ้ำแก้วโกมล” 
 “ถ้ำแก้วโกมล” เป็นถ้ำผลึกแคลไซต์ (พบอยู่  3 แห่งในโลกคือ ออสเตรเลีย จีน  และประเทศไทย) อยู่ในเขตพื้นที่วนอุทยานถ้ำแก้วโกมลของอ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน  เชื่อกันว่าเป็นถ้ำที่มีผลึกแคลไซต์สวยงามที่สุดในประเทศ การจะชมถ้ำแก้วโกมลต้องนำรถมาจอดที่ลานจอดรถของจุดประชาสัมพันธ์  “วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล” (เป็นแหล่งจำหน่ายของฝาก ของที่ระลึก ซีดีภาพภายในถ้ำ อาหาร  เครื่องดื่ม) ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวชมถ้ำแก้วโกมลต้องมาใช้บริการรถสองแถวรับ  – ส่งถ้ำแก้วโกมล (เส้นทางแคบคดเคี้ยวประมาณ 6 กม.ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นไปเอง) โดยรถสองแถวที่ว่าจะส่งถึงบริเวณทางเข้าถ้ำแก้วโกมล
 
 “ถ้ำแก้วโกมล” เดิมชื่อ “ถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อย”  ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม ถ้ำแก้วโกมล และห้องต่าง ๆ ภายในถ้ำ จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ ในครั้งที่เสด็จมาทอดพระเนตรเมื่อปี พ.ศ. 2544 บริเวณหน้าถ้ำมีพระปรมาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีประดิษฐานอยู่
 
 ทางเข้าถ้ำแก้วโกมลมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก  ตัวถ้ำเป็นโพรงลึกตรงลงไปด้านล่าง (นักท่องเที่ยวต้องค่อย ๆ  ไต่ลงไปอย่างระมัดระวัง) ถ้ำเป็นถ้ำตัน (ทางเข้าทางออกมีทางเดียว อากาศที่ไหลเวียนมีจำกัด  ดังนั้นเพื่อให้การเที่ยวชมเป็นไปด้วยความปลอดภัยจึงต้องมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละรอบไม่ให้แออัดจนเกินไป)
 
 
 
                    
                      |  |  
                      | 
                        ....................ผลึกแคลไซต์ใน ถ้ำแก้วโกมล....................
 |  
 ภายในถ้ำแก้วโกมลแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ มีทั้งงหมด  5  ห้อง/ชั้น แต่ละห้องมีความน่าสนใจและชื่อเรียกต่าง  ๆ กันดังนี้
 
 ห้องพระทัยธาร : เป็นชั้นแรกเกิดจากน้ำฝนตามธรรมชาติไหลกัดเซาะ  ลักษณะภายในถ้ำจึงคล้ายธารน้ำไหล ลักษณะแคลไซต์ที่อยู่ที่ชั้นนี้กลายเป็นสีน้ำตาลไปเกือบทั้งหมดแล้ว  สาเหตุนอกจากสภาพสภาวะทางธรรมชาติเองแล้ว สาเหตุใหญ่และสำคัญที่สุดก็คือ  คนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั่นเอง เช่นการสัมผัส (แม้จะคิดว่านิดหน่อยเองน่า  แต่เชื่อว่าหลายคนก็คนคิดเหมือนกันว่านิดหน่อยเองน่า พอหลายหน่อยเข้า มันก็มาก)  สารคัดหลั่ง เหงื่อ ไอร้อน จากมือเราทำปฏิกิริยากับแคลไซต์ที่เกาะอยู่ตามผนังถ้ำ ทำให้หมอง  (ถ้าเรียกง่าย ๆ ก็คือถ้ำตาย ไม่ขาว ไม่ใส ไม่สวยแล้ว กลายเป็นสีน้ำตาล) จึงมีข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวถ้ำไม่ใช่แค่ถ้ำแก้วโกมลแห่งนี้  แต่เป็นทุก ๆ ถ้ำเลยว่าอย่าจับ หรือแตะผนังถ้ำ เพราะถ้าถ้ำตายกันหมดจะเหลืออะไรสวย  ๆ งาม ๆ ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ดู ได้ชม ได้ศึกษากัน อาจจะเหลือแค่ภาพ และคำว่า  “เมื่อก่อนถ้ำแก้วโกมลเคยสวยงามมาก แต่ตอนนี้กลายเป็นอย่างนี้  เพราะคนรุ่นก่อนไม่ได้ดูแลรักษาไว้” ก็เป็นได้
 
 ห้องวิมานเมฆ : เป็นห้องที่สองของถ้ำแก้วโกมล  ลักษณะภายในถ้ำบริเวณผนังด้านบนคล้ายกับก้อนเมฆ (แต่ก็ไม่ขาวจั๊ว)
 
 ห้องเฉกหิมพานต์  : ลักษณะผลึกแคลไซต์จากพระจินตนาการคล้ายเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์
 
 ห้องม่านผาแก้ว  : ผลึกแคลไซต์ภายในถ้ำยังคงความขาวใส เหมือนผลึกน้ำแข็งเกาะปกคลุมอยู่คล้ายม่านแก้ว
 
 ห้องเพริศแพร้วมณีบุปผา  : เป็นห้องสุดท้ายของถ้ำแก้วโกมล และเป็นห้องที่มีความสวยงามมากที่สุดของถ้ำ  ผลึกแร่แคลไซต์ที่ห้องนี้มีความละเอียดสวยงาม คล้ายเกล็ดหิมะที่เป็นน้ำแข็ง  มีลักษณะแหลมเรียวคล้ายปลายเข็มขนาดเล็กมารวม ๆ กัน  บางครั้งก็ดูคล้ายก้อนขนเม่นจิ๋ว (แต่เป็นเม่นแก้วนะคะ)  ความสวยงามและใสของผลึกแคลไซต์ส่งประกายทำให้ทั้งห้องดูสวยงามเพริศแพร้วดังพระนามที่พระราชทานจริง  ๆ
 
 
                    
                      |  |  
                      | 
                        .........................วิบวับ...............แวววาว.........................
 |  ข้อแนะนำ :
 1.เนื่องจากเป็นถ้ำมีทางเข้าออกทางเดียว  จึงเปิดให้เข้าชมครั้งละไม่เกิน 20 คน  เนื่องจากภายในถ้ำมีอากาศหมุนเวียนน้อย ขณะเดินชมถ้ำอาจรู้สึกอึดอัด  หรือหายใจไม่สะดวก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่
 2.ห้ามสวมหมวก  ห้ามสูบบุหรี่ และห้ามบ้วนน้ำลายลงพื้น  ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้นำทางด้วย
 3.ความร้อน  และแสงมีผลต่อความสวยงามของผลึกแร่แคลไซต์ ดังนั้นห้ามถ่ายรูป  (หากต้องการรูปเป็นที่ระลึกมีซีดีรูปจำหน่ายบริเวณลานจอดรถ)  และห้ามแตะต้องผลึกแร่ตามผนังหรือทางเดินเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผลึกหมอง  และไม่มีการสร้างใหม่ของผลึกบริเวณนั้นอีก  (บริเวณทางเดินจะเปิดไฟเฉพาะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมถ้ำเท่านั้น)
 4.โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำ  และคำเตือนของเจ้าหน้าที่ เพื่ออนุรักษ์ความสวยงามไว้ให้แก่ลูกหลานต่อไป
 5.ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา  8.30-16.30 น.  สอบถามรายละเอียดการเข้าชมถ้ำแก้วโกมลเพิ่มเติมได้ที่ วนอุทยานแก้วโกมล โทร 053-3070702-3
 
 
 การเดินทางสู่ถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย  : ถ้ำแก้วโกมล (วนอุทยานแห่งชาติถ้ำแก้วโกมล) อยู่ที่บ้านห้วยมะไฟ ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย
 
 รถยนต์ ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน  หลักกิโลเมตรที่ 132 บริเวณอำเภอแม่ลาน้อย (ข้าง  รพ.แม่ลาน้อย) ใช้เส้นทางสายบ้านทุ่งสารภีไปบ้านห้วยมะไฟ ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ถนนเป็นคอนกรีตรถสวนไปกลับได้พอดี จะมีป้ายบอกทางไปถ้ำแก้วโกมล เป็นระยะจนมาถึงลานจอดรถ  ถ้ำแก้วโกมลอยู่ห่างขึ้นไปบนดอยลาดชัด และคดเคี้ยวอีกประมาณ 6 กิโลเมตร (บริเวณลานจอดรถ จะมีบริการรถสองแถวรับขึ้นลงถ้ำแก้วโกมล  ค่าบริการคนละประมาณ 50 บาท) ข้อมูลการท่องเที่ยวถ้ำแก้วโกมลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้  ณ ปัจจุบัน
 
 หมายเหตุ : ข้อมูลบางอย่างของ  “ถ้ำแก้วโกมล อ.แม่ลาน้อย ” อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ในปัจจุบัน
 
 ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : ที่พัก/โรงแรม/รีสอร์ท ในย่าน อ.แม่ลาน้อย
 
 
 
 
                        
                          | สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน(กรุณาคลิ๊ก “ ชื่อสถานที่ท่องเที่ยว”  เพื่อชมภาพถ่ายและข้อมูลของสถานที่แต่ละแห่งโดยละเอียด)
 
 |  
                          | อ.เมือง  | พระธาตุดอยกองมู , วัดจองคำ - วัดจองกลาง ,  วัดหัวเวียง , ถ้ำปลา , น้ำตกผาเสื่อ , บ่อน้ำร้อนผาบ่อง , ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน ,
 บ้านห้วยเสือเฒ่า , หมู่บ้านจีนยูนนาน - บ้านรักไทย , ภูโคลน - คันทรีคลับ ,
 โครงการพระราชดำริปางตอง-2-ปางอุ๋ง ,
 โครงการพระราชดำริปางตอง-4-พระตำหนักปางตอง
 |  
                          | อ.ปาย | วัดน้ำฮู , กองแลน , บ้านสันติชล , สะพานประวัติศาสตร์ปาย , ถนนคนเดินปาย , น้ำตกหมอแปง , โป่งน้ำร้อนท่าปาย
 |  
                          | อ.ขุนยวม  | ทุ่งดอกบัวตอง-ดอยแม่อูคอ , ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ , น้ำตกแม่สุรินทร์
 |  
                          | อ.ปางมะผ้า  | ถ้ำลอด |  
 
 
 
 |