หูฉลาม รังนก ถนนเยาวราช
    เขตสัมพันธวงศ์ จ.กรุงเทพมหานคร  
     
      
             
                 หากพูดถึงอาหารโดดเด่นย่านถนนเยาวราช  จ.กรุงเทพมหานคร คงหนีไม่พ้นที่หลาย ๆ คนจะต้องนึกถึงเมนู “หูฉลาม”  และ “รังนก”  ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากอาหารทั้งสองชนิดนี้เป็นอาหารซึ่งชาวจีนมีความเชื่อว่า  เป็นอาหารที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย หาได้ยาก มีราคาแพง  จึงถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศ แม้ว่ารับประทานแล้วอาจจะทำให้คุณไม่มีเงินซื้ออาหารธรรมดา  ๆ ไปอีกหลายมื้อก็ตาม  ซึ่งก่อนที่จะตามไปอ่านประสบการณ์ในการรับประทานหูฉลามและรังนกกับทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม  (www.thongteaw.com)  ทีมงานของเราคิดว่าลองไปทำความรู้จักกับข้อมูลเบื้องต้นของอาหารสองชนิดนี้กันก่อนเพื่อความซาบซึ้ง  และเป็นทางเลือกในการตัดสินใจว่าคุณอยากจะบริโภคอาหารสองชนิดนี้หรือไม่กันดีกว่า 
             
                 “หูฉลาม”  คือ กระดูกอ่อนบริเวณครีบอก กระโดง และส่วนหางของปลาฉลามซึ่งเก็บรักษาไว้โดยการอบแห้ง  เมื่อต้องการนำมาปรุงเป็นอาหารก็จะนำมาผ่านกระบวนการต้มทำความสะอาดและดับกลิ่นคาวอีกหลายรอบ  จึงจะได้หูฉลามพร้อมที่จะนำมาผัด นึ่ง ตุ๋น หรือต้มปรุงรสให้กลายเป็นอาหารจานเด็ดต่อไป  มีความเชื่อกันว่าหูฉลามเป็นอาหารพิเศษที่มีคุณสมบัติในการบำรุงร่างกายอย่างดีเยี่ยม  แต่จากการศึกษาตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กลับพบว่า  แท้จริงแล้วหูฉลามปรุงสำเร็จหนึ่งชามมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับไข่เป็ดฟองเดียวเท่านั้นเอง  แถมมีรายงานว่าการรับประทานหูฉลามติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน  ๆในปริมาณมากอาจเป็นสาเหตุของการเป็นหมันในผู้ชายได้เนื่องจากพิษของสารปรอทที่ตกค้างในทะเลสะสมอยู่ภายในตัวและครีบของฉลาม  และจากเหตุผลในเรื่องของพิษปรอทสะสมนี้เองจึงทำให้องค์กรทางด้านสุขภาพหลาย ๆ  แห่งออกคำเตือนไม่ให้สตรีมีครรภ์และเด็ก ๆ บริโภคหูฉลาม  
             
                 นอกจากนี้ก็ยังมีประเด็นที่นักชิมทั้งหลายควรพิจารณาในแง่ของการอนุรักษ์ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันใน 
            หลาย  ๆ ประเทศเกี่ยวกับการล่าฉลามเพื่อนำครีบมาบริโภคเป็นหูฉลามว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่?  เนื่องจากส่วนอื่น ๆ  ของฉลามที่ไม่ใช่ครีบนั้นมักไม่นิยมนำมาบริโภคหรือใช้ประโยชน์ใด ๆ  หมายความว่าการฆ่าฉลามหนึ่งตัวนั้นอาจทำเพียงเพื่อการตัดครีบมาจำหน่ายเท่านั้นเอง  ซึ่งฝ่ายที่คัดค้านการล่าฉลามได้ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าการกระทำดังกล่าวนอกจากจะไม่คุ้มค่าและทำให้จำนวนฉลามลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วแล้ว  ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลอีกด้วย ส่วนฝ่ายที่ยังคงปล่อยให้มีการล่าฉลามอย่างเป็นล่ำเป็นสัน  เช่น ในประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ให้เหตุผลแย้งว่าฉลามนั้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายในธุรกิจการทำประมงอย่างมหาศาล  โดยเฉพาะฉลามเสือที่มักจะเข้ามากัดกินปลาที่อยู่ในอวนลากของเรือประมงและหลายครั้งก็ได้กัดทำลายอวนไปด้วย  การล่าฉลามนั้นจึงเป็นการควบคุมปริมาณฉลามไม่ให้มีจำนวนมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อธุรกิจการประมงของประเทศ.....อืม..ม.ม.....อ่านแล้วรักใคร  เชื่อใคร ชอบเหตุผลของใคร คิดว่าอยากรับประทานหูฉลามหรือไม่? ก็ลองตัดสินใจกันเอาเองนะครับ 
             
             
             
           
      
        
          รูปภาพอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงคาดว่าจะแล้วเสร็จปลาย พ.ย. 2555 ครับ/ค่ะ   | 
         
        
           | 
         
       
       
       ทีนี้เราลองมาดูข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ  “รังนก”  กันบ้าง “รังนก”  ซึ่งนำมาบริโภคกันโดยทั่วไปนั้นคือรังของ “นกนางแอ่น” (บางครั้งก็เรียก “นกอีแอ่น” หรือ “นกแอ่นกินรัง”)  ได้มาจากการที่นกนางแอ่นสำรอกน้ำลายออกมาจับตัวแข็งกลายเป็นรังนก ปกตินกนางแอ่นจะสร้างรังเพื่อวางไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อนตามผนังถ้ำปีละ  2 – 3 ครั้ง (ถ้ำซึ่งนกนางแอ่นเลือกทำรังนั้นส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำแถบชายทะเล  แต่ปัจจุบันมีการสร้างบ้าน/อาคารให้นกนางแอ่นเข้ามาอยู่อาศัยเพื่อเก็บรังนกด้วย)  โดยมีพฤติกรรมสร้างรังทดแทนในที่เดิมกับรังที่ถูกเก็บไป  ซึ่งในกรณีที่ไม่มีการเก็บรังนก นกนางแอ่นก็จะสร้างรังใหม่ทับรังเดิมอยู่ดี ปกติผู้ทำสัมปทานเก็บรังนกที่มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์จะเลือกเก็บรังนกภายหลังจากที่นกนางแอ่นวางไข่และเลี้ยงดูลูกนกเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เพราะหากเก็บรังนกไปก่อนที่จะมีการวางไข่  พ่อแม่นกนางแอ่นจะต้องสร้างรังขึ้นใหม่และเลื่อนการวางไข่ให้นานออกไปอีก 
   
       สำหรับข้อมูลด้านโภชนาการจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าใน  100 กรัมของรังนกแท้นั้นจะมีส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณเป็นโปรตีนร้อยละ  54 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 23.3 น้ำร้อยละ  16.2 ไขมันร้อยละ 0.3 และอื่น  ๆอีกร้อยละ 5.9 อีกทั้งยังพบด้วยว่ารังนกแท้นั้นมีสารซึ่งช่วยในการเจริญของเยื่อบุผิว (Epidermal  Growth Facter)  มีสารที่ช่วยในการส่งเสริมการทำงานของเซลล์ภายในระบบภูมิคุ้มกันโรค  ช่วยยับยั้งการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด  และอาจช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนั้นศูนย์การแพทย์แผนโบราณของจีนยังมีการแนะนำให้บริโภครังนกเพื่อช่วยในการรักษาโรคทางเดินหายใจอีกด้วย ( เช่น โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง  ผู้ป่วยวัณโรคในระยะพักฟื้น เป็นต้น) รังนกที่นำมารับประทานนั้นส่วนใหญ่มักจะปรุงโดยการตุ๋นกับโสม  ตุ๋นกะทิ หรือ ตุ๋นกับไข่.....อืม...ม..ม.....บรรยายมาซะเยอะแยะขนาดนี้ หลาย ๆ  คนอาจจะอยากรู้แล้วว่าเรื่องรสชาติและราคาจะเป็นอย่างไร? งั้นลองตามมาดูในย่อหน้าถัดไปกันเลย 
   
       ร้านอาหารที่ปรุงหูฉลามและรังนกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในย่านเยาวราชนั้นมีหลากหลายระดับตั้งแต่ร้านรถเข็นแผงลอย  ,ร้านห้องเช่าเล็ก ๆ ไปจนกระทั่งถึงภัตตาคารหรู ร้านอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มักจะมีรายการอาหารเป็นเล่ม  ๆ วางเอาไว้ให้ด้านหน้าร้าน  คุณสามารถเปิดดูภาพถ่ายและราคาของอาหารแต่ละชนิดก่อนตัดสินใจเลือกร้านที่จะเข้าไปรับประทานได้อย่างสะดวกสบาย  [ขอเตือนไว้ก่อนว่า อาหารที่คุณได้รับประทานจริง ๆ  นั้นอาจจะมีหน้าตาแตกต่างกับภาพถ่ายชนิด “อึ้งกิมกี่”  เลยก็เป็นได้ เช่น สั่ง “รังนกแดงชั้น 1” ราคาแพงตุ๋นมะพร้าวกลับได้อาหารซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับ  “รังนกแดงชั้น 3” ราคาถูกมาแทน (“รังนกแดงชั้น  3” นั้นมีราคาถูกกว่า "รังนกแดงชั้น 1" ถึงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถดูภาพรังนกแดงชั้น 1 ปรุงสำเร็จ และภาพรังนกแดงชั้น 3 ปรุงสำเร็จจากรายการอาหารของร้านนั้น ๆ เปรียบเทียบกันก่อนตัดสินใจไ้ด้อยู่แล้วครับ).....แต่ตอนคิดราคาจ่ายเงินน่ะดันคิดราคาแบบ "รังนกแดงชั้น 1" คร้าบ.....บ....บ..บ.บ !!.....ไม่ทึ่ง.....ไม่อึ้ง.....ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!! หากใครไม่อยากเจอประสบการณ์แบบนี้ก็ตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจเข้าไปในร้านใดร้านหนึ่งนะครับ] ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมลองเดินสำรวจรายการอาหารของหลาย  ๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลจนในที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในภัตตาคารจีนแห่งหนึ่งริมถนนเยาวราช  
       
       
       
       
      
        
          รูปภาพอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงคาดว่าจะแล้วเสร็จปลาย พ.ย. 2555 ครับ/ค่ะ  | 
         
        
           | 
         
       
       
             ภัตตาคารซึ่งทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเข้าไปนั่งสั่งอาหารนี้เป็นภัตตาคารขนาดไม่ใหญ่นัก  มีการสร้างตู้จัดวางหูฉลามและรังนกเอาไว้บริเวณผนังด้านข้างอย่างเป็นระเบียบดูสวยงามละลานตา  พวกเราลองเปิดรายการอาหารสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็พบว่ามีการจัดแบ่งหูฉลาม –  รังนกออกเป็นหลากหลายระดับคุณภาพ(ชั้น)และราคา  ตามปกติหูฉลามซึ่งถือว่ามีคุณภาพดีและมีราคาแพงที่สุดนั้นจะต้องเป็นหูฉลามชิ้นใหญ่ติดกันเป็นวงสวยงามคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว (ยิ่งขนาดใหญ่เท่าไหร่ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น) ส่วนหูฉลามซึ่งถือว่ามีคุณภาพด้อยลงมาและราคาถูกกว่า คือ เศษหูฉลามที่แตกเป็นเส้น  ๆ เละ ๆ สำหรับรังนกนั้นจากการสำรวจจะพบว่า “รังนกแดง”  มีราคาแพงกว่า “รังนกขาว”  โดยทั่วไป เนื่องจากผู้คนบางส่วนเชื่อกันว่า รังนกแดงเป็นรังนกซึ่งได้มาจากการสำรอกน้ำลายปนเลือดของนกนางแอ่นและหาได้ยากกว่า  แต่จากการศึกษาตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทำให้ทราบในภายหลังว่า “สีแดง”  ที่ปะปนอยู่ภายใน “รังนกแดง” นั้นเกิดขึ้นจากสนิมในถ้ำที่นกทำรังไว้ได้รับความชื้นสูงจึงละลายแทรกซึมเข้าไปในรังโดยเฉพาะรังที่นกสร้างขึ้นในช่วงฤดูฝน  ในความเป็นจริงแล้วรังนกซึ่งถือว่ามีคุณภาพดีและมีราคาแพงที่สุดนั้น ได้แก่  รังนกขาวซึ่งได้มาจากการสำรอกน้ำลายของนกนางแอ่นครั้งแรกในช่วงฤดูหนาว  ตัวรังนกจะเป็นสีขาวบริสุทธิ์ (หากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจริง  ๆ ก็คงยากจะทราบได้ว่ารังนกขาวอันไหนเป็นรังที่ได้จากการสำรอกน้ำลายของนกนางแอ่นครั้งแรกในช่วงฤดูหนาวครับ)   
   
     ตัวอย่างราคาของหูฉลามและรังนกปรุงสำเร็จของร้านอาหารในย่านเยาวราชมีดังนี้  
               หูฉลามเล็กน้ำแดง  ราคาประมาณ 300 - 1,200 บาท  
                 หูฉลามกลางน้ำแดง  ราคาประมาณ 500 - 1,500 บาท 
                 หูฉลามใหญ่เป๋าฮื้อน้ำแดง  ราคาประมาณ 1,000 - 3,500 บาท  
                 รังนกขาวชั้น  3 ตุ๋น ราคาประมาณ 100  - 200 บาท รังนกแดงชั้น 3 ตุ๋น ราคาประมาณ 200 - 400 บาท 
                 รังนกขาวชั้น  1 ตุ๋นมะพร้าว ราคาประมาณ 500 - 1,000 บาท 
                 รังนกแดงชั้น  1 ตุ๋นมะพร้าว ราคาประมาณ 500 - 1,000 บาท 
                 รังนกขาวชั้น  1 ตุ๋นกะทิ ราคาประมาณ 500 - 1,000 บาท 
                 รังนกแดงชั้น  1 ตุ๋นกะทิ ราคาประมาณ 500 - 1,000 บาท  
         
             (ราคาของอาหารแต่ละรายการขึ้นอยู่กับปริมาณที่สั่งว่าเป็นขนาดหม้อ/ชาม  เล็ก กลาง หรือใหญ่ด้วย) 
           หลังจากที่นั่งถอนหายใจกับราคาอยู่สักพัก  ทีมงานของเราก็ตัดสินใจสั่ง “หูฉลามกลางน้ำแดง” (ราคา 500 บาท) และ “รังนกแดงชั้น 1 ตุ๋นมะพร้าว”(ราคา 500 บาท.....เช่นกัน) มาลองรับประทาน หลังจากนั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที  หูฉลามกลางน้ำแดงในหม้อดินก็ถูกยกมาตั้งไว้ตรงหน้าพร้อมถ้วยแบ่ง และเครื่องเคียง(ถั่วงอกเด็ดหัว ,ต้นหอม และผักชี)  พวกเรานั่งเพ่งพินิจพิจารณาดูหูฉลามซึ่งอยู่ในหม้อก็พบว่ารูปร่างลักษณะค่อนข้างจะแตกต่างจากภาพในรายการอาหารพอสมควร  เพราะภาพหูฉลามกลางน้ำแดงที่อยู่ในรายการของทางร้านนั้นมีลักษณะเป็นชิ้นคล้ายพระจันทร์เสี้ยวสวยงาม  แต่หูฉลามกลางน้ำแดงที่อยู่ตรงหน้ากลับดูเป็นชิ้นแตก ๆ ชอบกล อย่างไรก็ตามด้วยความหิวทำให้พวกเรารีบจ้วงตักแบ่งหูฉลามมาแบ่งกันทันที หูฉลามกลางน้ำแดงหม้อนี้ตักแบ่งได้ประมาณ 4 - 5 ถ้วย (ตักแบ่งแบบได้เนื้อหูฉลามเต็ม ๆ คำ.....แต่ก็ไม่ใช่ว่าเต็มคำจนขนาดรับประทานเพียงแค่ถ้วยเดียวแล้วจะอิ่มนะครับ)   
         
             ในเรื่องของรสชาติของหูฉลามน้ำแดงนั้นหากจะให้อธิบายว่ามันเหมือนอะไร ? ก็คงลำบากเพราะหูฉลามเป็นอาหารที่มีรสชาติเฉพาะตัว (ตัว "หูฉลาม" เองจะมีรสชาติค่อนข้างจืดแต่เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารแล้วจะมีรสแตกต่างกันไปตามชนิดของอาหารและเครื่องปรุงต่าง ๆ) รู้แต่ให้ความรู้สึกกรุบ ๆ คล้ายกับรับประทาน "บุกเส้น" ซึ่งมีขนาดเส้นเล็กมาก ๆ นำมาเรียงต่อกันเป็นแพ (แต่ "หูฉลาม"จะมีความหยุ่นเหนียวมากกว่า "บุก") ส่วนน้ำแดงนั้นก็รสชาติเหมือน ๆ กับน้ำแดงที่ปรุงเป็น "กระเพาะปลาน้ำแดง" โดยทั่วไปไม่หนีห่างกันสักเท่าไหร่.....แต่ถ้าให้สรุปก็คงต้องบอกว่า "หูฉลามน้ำแดง" นั้นอร่อยกว่า "กระเพาะปลาน้ำแดง" อยู่พอสมควร (บางคนซึ่งเคยรับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้มาแล้วอาจจะแย้งทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมว่า "กระเพาะปลาน้ำแดง" อร่อยกว่า "หูฉลามน้ำแดง" ก็เป็นได้ เนื่องจากแต่ละคนก็มีความชอบมีความรู้สึกสัมผัสต่อสิ่งต่าง ๆ แตกต่างกันไป)          
         
     ประมาณ  30 นาทีภายหลังจากหูฉลามน้ำแดงถูกยกมาเสิร์ฟ  รังนกแดงชั้น 1 ตุ๋นมะพร้าวก็ถูกนำมาตั้งตรงหน้าพวกเราเป็นรายการถัดมา  อีกครั้งที่พวกเราต้องมึนงงกับความแตกต่างของภาพในรายการอาหารกับตัวอาหารจริง ๆ  ซึ่งถูกยกมาวางตรงหน้า เนื่องจากในภาพรายการอาหารนั้น “รังนกแดงชั้น  1 ตุ๋นมะพร้าว” ราคา  500 บาท  ตัวรังนกจะมีสีม่วงแดงเข้มเป็นชิ้นเส้น ๆ บรรจุอยู่ภายในลูกมะพร้าว  แต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของพวกเราก็คือ รังนกเละ ๆ  คล้ายวุ้นสีเหลืองแกมน้ำตาลแตกต่างกับในภาพอย่างสิ้นเชิง สำหรับรังนกแดงชั้น  1 ตุ๋นมะพร้าว ราคา 500 บาทลูกนี้  สามารถตักแบ่งใส่ถ้วยแบ่งได้ประมาณ 4 – 5 ถ้วยเช่นเดียวกันกับหูฉลามกลางน้ำแดง  ราคา 500 บาท รสชาติอร่อยถึงใจ (แม้ว่าพวกเราจะรู้สึกเซ็ง ๆ  บ้างที่หน้าตามันไม่เหมือนภาพในรายการอาหารก็ตาม) ตัวรังนกนั้นจะให้สัมผัสคล้าย  ๆ กับวุ้นที่ตีจนเละแล้วนำมาตุ๋นใส่ลูกมะพร้าว  เนื้อมะพร้าวนุ่มนิ่มจนสามารถเลาะเนื้อออกมาได้ทั้งลูก  รับประทานคู่กันได้รสหวานมันอ่อน ๆ  สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามะพร้าวที่ใช้นั้นเป็นมะพร้าวอ่อนจริง ๆ  สอบผ่านทั้งในเรื่องคุณภาพและความอร่อย 
 
 
 
      
        
          |  
              
                
               
             | 
         
        
          รูปภาพอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงคาดว่าจะแล้วเสร็จปลาย พ.ย. 2555 ครับ/ค่ะ  | 
         
       
       
         
       แม้ว่าการรับประทานรังนกนั้นอาจจะให้ความพึงพอใจในแง่ของความเอร็ดอร่อย  รวมถึงคุณประโยชน์ทางด้านสุขภาพบางประการได้ก็ตาม แต่คำถามหนึ่งซึ่งหลาย ๆ  คนคงจะมีอยู่ในใจไม่มากก็น้อย คือ มันคุ้มค่าหรือไม่?  ในขณะที่ยังมีอาหารสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งอาจจะสามารถให้ผลดีแก่ร่างกายได้ในลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับผลดีที่ได้รับจากรังนกแต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า (เช่น อาหารผัก สมุนไพร และผลไม้ปลอดสารพิษหลากสีต่าง  ๆ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านหวัด ชะลอการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง  บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ฯลฯ) สำหรับคำตอบตรงนี้พวกเราคิดว่าคุณเองก็อาจจะหาคำตอบได้ด้วยตนเองอย่างไม่ยากเย็นนัก  โดยลองเริ่มจากการตอบคำถามที่ว่า “คนซึ่งมีอายุยืนและมีสุขภาพที่แข็งแรง (เช่น คนที่มีอายุเกิน 100 ปี  ในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแถบทวีปยุโรป หรือเอเชียก็ตาม)  ทุก ๆคน คือ คนที่บริโภครังนกเป็นประจำใช่หรือไม่? หรือว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องบริโภคอาหารราคาแพงลิบลิ่วต่าง  ๆ ก็สามารถมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาวได้?”  ซึ่งหากจะพูดถึง “หูฉลาม”  และ “รังนก”  ในมุมมองของพวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมล่ะก็ คิดว่าการได้มารับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้เป็นประสบการณ์พิเศษอันน่าจดจำหนึ่งในหลาย  ๆอย่างที่พวกเราเคยได้รับ แต่ก็คงไม่เลือกที่จะรับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้อยู่เรื่อย  ๆ เพื่อหวังผลในการบำรุงสุขภาพ หรือผลด้านความเอร็ดอร่อยพึงพอใจอย่างแน่นอน  อย่างไรก็ตาม การให้คุณค่าในการรับประทาน “หูฉลาม”  และ “รังนก”  นั้น เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลต้องตัดสินใจด้วยตนเอง  คงไม่มีใครสามารถให้คุณค่ากับสิ่งต่าง ๆในชีวิตของคุณได้นอกจากตัวคุณเองครับ 
       
      ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร (ย่านไชน่าทาวน์เมืองไทย)  
      การเดินทาง : มีร้าน "หูฉลาม" และ "รังนก"ปรุงสำเร็จอยู่เกือบตลอดความยาวของถนนเยาวราช นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินเปิดดูภาพรายการอาหารพร้อมทั้งราคาก่อนตัดสินใจได้อย่างสะดวกสบาย   
        รถยนต์ส่วนตัว มีที่จอดรถยนต์อยู่บนถ.ทรงสวัสดิ์ (ที่จอดรถเฉลิมบุรี) , ถ.ผดุงด้าว (อาคารจอดรถเท็กซัสสุกี้) , ถ.เยาวพานิช (อาคารฮั่วเซ่งเฮงและวัดชัยภูมิการาม) , ถ.พาดสาย (สมาคมฮากกาแห่งประเทศไทย)   , ถ.แปลงนาม (วัดมงคลสมาคม) และ ถ.เยาวราช (อาคารกาญจนทัตและห้างคาเธ่ย์) นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถตามสถานที่จอดรถต่าง ๆ แล้วเดินมายัง ถ.เยาวราช เพื่อหาร้าน "หูฉลาม" และ "รังนก" ที่ถูกใจได้ 
        รถประจำทาง ขึ้นรถเมล์สายใดก็ได้ที่ผ่าน ถ.เยาวราช (  รถเมล์สายที่ผ่านเยาวราช ได้แก่ สาย 1, 4, 7,  25, 35, 40, 48, 53, 73, 159, 170, 507 ) 
         
        หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเก็บข้อมูลร้าน "หูฉลาม" และ "รังนก" ย่านถนนเยาวราช
        เมื่อเดือน มิ.ย. 2553 ข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในขณะปัจจุบัน 
         
            ขอขอบคุณ : ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับหูฉลามและรังนกบางส่วนจาก  สสวท. , บทความ “วิทยาศาสตร์กับจังหวัดชุมพร”  , ข้อมูลการเดินทางย่านเยาวราชจากหนังสือ “สะพายเป้ ขึ้นรถเมล์  ทัวร์กรุง” โดย รัตนวุฒิ เจริญรัมย์  สำนักพิมพ์อักษรข้าวสวย และหนังสือ “หอเจี๊ยะ เยาวราช”  โดย หนู – จุ่น ชวนชิม  สำนักพิมพ์สารคดี 
       
      
       
      
             
              |