Custom Search
 



ทากและปลิง


  
     หลากหลายครั้งที่เราได้เห็นสาวๆจับกลุ่มพูดคุยส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างออกรสพร่ำพรรณนาถึงแวมไพร์(ชื่อเรียกไทยๆคือ ผีดูดเลือดครับ)หนุ่มสุดเท่ในภาพยนตร์ซึ่งเกี่ยวกับผีดูดเลือดต่างๆไม่ว่าจะเป็น interview with the vampire หรือ vampire twilight เป็นต้น บางคนอาการหนักถึงขั้นเก็บไปเฝ้าฝันอยากให้มีแวมไพร์หนุ่มสุดหล่อมาดูดเลือดตัวเองบ้าง.......ซึ่งเราแนะนำสาวๆพวกที่คลั่งไคล้ถึงขนาดหนักนี้ว่าน่าจะไปเที่ยวปลักกระบือ(ควาย)หรือไปเที่ยวป่าหน้าฝนบ้างจะได้สมความมุ่งมาดปรารถนาเพราะว่าในปลักกระบือหรือพื้นที่ชื้นแฉะในป่าหน้าฝนหลายๆแห่งจะมีเจ้าผีดูดเลือดตัวน้อยๆคอยต้อนรับอยู่และพร้อมให้บริการสาวๆเหล่านี้จนกว่าจะสมใจอยากเลยทีเดียว

      “ทาก” และ “ปลิง” ก็คือเจ้าผีดูดเลือดตัวจ้อยแห่งประเทศเขตร้อนชื้นที่เราได้กล่าวเอาไว้แล้วข้างต้น หากเป็นมนุษย์ธรรมดาๆตามปกติคงไม่มีใครอยากข้องแวะกับเจ้าแวมไพร์จิ๋วนี่สักเท่าไหร่เพราะนอกจากมันจะดูดเลือดคุณได้มากเป็นจำนวนหลายเท่าของขนาดตัวมันแล้ว เมื่อผละจากไปมันยังฝากรอยรักเลือดที่ยากจะหยุดไหลเอาไว้ให้คุณอีกและที่สำคัญคือนอกจากเจ้าสัตว์จำพวกนี้จะไม่หล่อสวยไม่น่ารักน่าพิศวาสแล้วมันยังเป็นกะเทย คือมีสองเพศในตัวเดียวกันอีกด้วย(แต่ไม่สามารถสืบพันธุ์โดยตนเองได้ต้องใช้การแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างตัวที่แสดงตนเป็นตัวผู้กับตัวที่แสดงตนเป็นตัวเมีย)ทำให้สาวๆหลายคนอาจต้องผิดหวังหลังจากถูกหลอกดูด(เลือด)ไปเรียบร้อยแล้ว

      หลังจากเขียนแบบปัญญาไม่ค่อยเต็มเต็งมาสองย่อหน้า เราก็คิดว่าน่าจะมาพูดถึง “ทาก” และ “ปลิง”แบบเป็นการเป็นงานเป็นแบบวิทยาศาสตร์กันบ้างดีกว่า

      ทากและปลิงนั้นจัดอยู่สิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวกัน คือ Hirudinae เพียงแต่ว่า Phylum และ species ต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของทากและปลิงต่างๆแต่หากเราอยากจะแบ่งง่ายๆตามพื้นที่อยู่อาศัยและหากินก็คือ ทากจะอาศัยหากินอยู่บนบกในขณะที่ปลิงนั้นจะอยู่ในน้ำเป็นหลัก สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดนี้มีวิธีการค้นหาเหยื่อคล้ายคลึงกันคือ รับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินหรือน้ำรวมถึงการใช้สัมผัสที่ไวต่อกลิ่น(ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่คนหรือสัตว์หายใจออกไป)และอุณหภูมิ เมื่อสามารถจับตำแหน่งของเหยื่อได้แล้วทากจะดีดตัวเข้ามาเกาะเหยื่ออย่างรวดเร็ว ส่วนปลิงนั้นจะว่ายน้ำเข้ามาเกาะติดกับเหยื่ออย่างเงียบเชียบ หลังจากหาทำเลเหมาะๆเรียบร้อยแล้วมันก็จะเริ่มกัดและดูดเลือดโดยจะมีการปล่อยสารที่มีฤทธิ์คล้ายยาชาออกมาขณะกัดดูดเลือดทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยในการขยายหลอดเลือดและสารที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดถูกปล่อยออกมาเพื่อที่จะทำให้อาหารโลหิตมื้อโอชะนี้มีความอร่อยนานต่อเนื่องจนกว่ามันจะอิ่มอีกด้วยซึ่งหากคุณโดนเจ้าสัตว์ดูดเลือดเหล่านี้เกาะดูดเลือดไปในปริมาณมากๆแล้วก็อาจเกิดอาการวิงเวียน ,หน้ามืดจากการเสียเลือดในปริมาณมาก(มีภาพยนตร์บางเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนเคยนำเสนอว่ามีคนเสียชีวิตจากการถูกปลิงจำนวนมากดูดเลือดขณะสลบอยู่ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะหากเราเสียเลือดไปในปริมาณมากๆก็อาจเกิดภาวะ shock ซึ่งเป็นสาภาวะที่ทำให้เสียชีวิตได้)
      แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือเจ้าปลิงที่สามารถกระดึ๊บคืบคลานเข้าไปในอวัยวะที่มีลักษณะเป็นท่อกลวงต่างๆ เช่น หู ,จมูก ,ปาก,หลอดอาหาร ,หลอดลม ,ท่อปัสสาวะ ,อวัยวะสืบพันธุ์สตรีหรือกระทั่งทวารหนักซึ่งทำให้เกิดอาการสุดสยองต่างๆไม่ว่าจะเป็นอาการเลือดกำเดาออกและปวดศีรษะมากหากมันเข้าไปอาศัยอยู่ในโพรงจมูก(sinus) ,ไอเป็นเลือดหากเข้าไปอยู่ในหลอดลมและอาจหายใจไม่ออกซี้ม่องเท่งหากมันไปเกาะอยู่ที่กล่องเสียง ,อาเจียนเป็นเลือดหากเข้าไปอยู่ในหลอดอาหาร(ใครอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จีนกำลังภายในอาจนำวิธีนี้ไปใช้เพื่อให้นักแสดงกระอักเลือดได้ครับ) และหากเข้าไปในทางเดินอาหารก็อาจทำให้ลำไส้ทะลุได้ ซึ่งที่กล่าวมาแล้วนี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างชวนขนลุกเบื้องต้นเท่านั้น
      สำหรับแหล่งกบดานในการล่าของเจ้าทากนั้นจะอยู่ตามพื้นดิน ,ต้นไม้ ,เศษใบไม้ที่มีระดับความชื้นโดยประมาณตั้งแต่ 40 – 100 % และจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีระดับความชื้นต่ำกว่า 30 %ได้ ส่วนเจ้าปลิงนั้นหากเป็นปลิงควายก็มักจะอาศัยอยู่ตามปลักกระบือเป็นหลัก ส่วนปลิงเข็มนั้นมักจะชอบอาศัยอยู่ตามหนองหรือลำธารที่มีน้ำนิ่งซะเป็นส่วนใหญ่เพราะฉะนั้นหากคุณต้องเดินทางเข้าไปในบริเวณพื้นที่เหล่านี้แล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในการป้องกันตนเองไว้บ้างดังนี้ คือ

     1.สวมเสื้อผ้าให้รัดกุมหากจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในบริเวณที่เสี่ยงต่อการพบทากหรือปลิง
     2.หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือล้างหน้าในบริเวณห้วย ,หนอง ,คลองหรือลำธารต่างๆโดยเฉพาะบริเวณน้ำนิ่งเนื่องจากอาจจะมีปลิงเข็มอาศัยอยู่ ปลิงพวกนี้สามารถเข้าจมูก ,ปากลงสู่หลอดอาหารหรือหลอดลมได้อย่างรวดเร็ว
     3.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขังโดยเฉพาะหากระดับน้ำสูงเลยเอวขึ้นไปจำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด
     4.ทายากันแมลงที่มีส่วนผสมของ Dimethyl Phthalate หรือ Diethyltoluamide อยู่ด้วยตามร่างกาย(ดูฉลากข้างขวดยาได้ครับ)สามารถใช้ป้องกันทากและปลิงเกาะได้ดี(ผลลัพธ์ในการป้องกันปลิงจะลดลงหากเราแช่อยู่ในหนองน้ำหรือลำธารนานๆเพราะตัวยาที่ติดอยู่กับร่างกายจะเจือจางลงอาจต้องพ่นหรือทายาซ้ำภายหลังขึ้นจากน้ำเป็นพักๆ)
     5.หากเป็นผู้ซึ่งแพ้ยากันแมลงอาจใช้วิธีการสวม “ ถุงเท้ากันทาก” (เป็นถุงเท้าสีขาวทำจากผ้าดิบหรือผ้าฝ้ายเนื้อหนา ขนาดยาวเลยหัวเข่าขึ้นมาเล็กน้อยและมีเชือกรูดตอนปลายเพื่อป้องกันไม่ให้ถุงเท้ารูดหลุดลงมาขณะเดิน) ทับกางเกงขายาวและถุงเท้าซึ่งสวมใส่อยู่แล้วอีกชั้นหนึ่งแล้วทาหรือพ่นสเปรย์กันแมลงบน“ ถุงเท้ากันทาก” ให้ทั่ว(ผิวหนังของเราก็จะไม่สัมผัสกับยากันแมลงโดยตรง) อาจนำวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้กับเสื้อได้โดยใส่เสื้อแจ็กเก็ตหรือเสื้อคลุมทับเสื้อแขนยาวที่อยู่ชั้นในอีกทีหนึ่งแล้วทาหรือพ่นยากันแมลงลงบนเสื้อชั้นนอกอีกครั้ง(พ่นก่อนนำมาสวมใส่ทับก็ได้ครับ) วิธีนี้สามารถป้องกันได้ทั้งทากและปลิงครับ(ผลลัพธ์ในการป้องกันปลิงจะลดลงหากเราแช่อยู่ในหนองน้ำหรือลำธารนานๆเพราะตัวยาที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าจะเจือจางลงอาจต้องพ่นหรือทายาซ้ำภายหลังขึ้นจากน้ำเป็นพักๆเช่นเดียวกับข้อ 4. ข้างต้นแต่การใช้ยากันแมลงพ่นหรือทาเสื้อผ้า/“ ถุงเท้ากันทาก” นี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการป้องกันปลิงที่ได้ผลลัพธ์ดีกว่าวิธีอื่นๆมาก)
     6.กรณีที่ต้องการใช้ภูมิปัญญาแบบไทยโบราณอาจใช้เส้นยาสูบ(ที่อยู่ในมวนบุหรี่นั่นแหละครับ แต่หากนำบุหรี่มาแกะเอาเส้นยาสูบอาจต้องสิ้นเปลืองมาโดยไม่จำเป็น ให้ซื้อเส้นยาสูบชนิดแบ่งขายมาใช้จะดีกว่า)มาแช่น้ำสัก 1 คืนแล้วนำน้ำที่แช่ยาสูบนั้นมาชโลมหรือแช่เสื้อผ้า ,กางเกงหรือถุงเท้าที่จะใช้กันทากตามต้องการ ตากชุดที่ชโลมในที่ร่มจนแห้งแล้วจึงนำไปสวมใส่ แต่มีข้อเสียคือยุ่งยากในการเตรียมและไม่เหมาะกับผู้ซึ่งแพ้กลิ่นยาสูบ(วิธีนี้ไม่ค่อยเหมาะสำหรับป้องกันปลิงจากเหตุผลดังข้อ 4. ข้างต้นครับ)
     7.ใช้น้ำผสมเกลือแกง(น้ำเกลือ)บรรจุใส่ขวดสเปรย์พกติดตัวไว้ใช้ฉีดเมื่อสังเกตเห็นพบทาก/ปลิงเกาะ(พยายามสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดและเลือกใส่ชุดสีอ่อนจะทำให้สังเกตเห็นทาก/ปลิงได้ง่ายขึ้น) หรือหากไม่สะดวกจะพกใส่ขวดน้ำธรรมดาก็ได้แล้วใช้วิธีการหยดใส่เมื่อสังเกตเห็นทาก/ปลิง(น้ำเกลือควรมีความเข้มข้นสูงจะให้ผลในการกำจัดทากได้ดีกว่าเนื่องจากน้ำจะถูกดึงจากตัวทาก/ปลิงซึ่งมีความเข้มข้นของเกลือน้อยกว่ามาสู่น้ำเกลือซึ่งมีความเข้มข้นของเกลือสูงกว่าทำให้ทาก/ปลิงสูญเสียความชื้นและหลุดออกหรือตายในที่สุด)

      รู้วิธีป้องกันทาก/ปลิงกันไปพอสมควรแล้วต่อไปลองมาดูต่อกันว่าเราพอจะมีวิธีปฐมพยาบาลอะไรได้บ้างหากโดนทาก/ปลิงกัดเข้าไปแล้ว

      
1.กรณีที่สังเกตเห็นตัวทาก/ปลิงเกาะอยู่บนร่างกายไม่ควรดึงออกทันทีเพราะจะทำให้เนื้อฉีกขาดเป็นแผลใหญ่และเลือดหยุดยากขึ้น ควรใช้น้ำเกลือเข้มข้น ,น้ำส้มสายชูแท้หรือ 70% Alcohol หยดบริเวณรอบๆปากของมันหรืออาจใช้ไม้ขีดหรือบุหรี่ที่ติดไฟจี้ตัวทากก็จะทำให้มันหลุดออกได้
2.ทำความสะอาดบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ(แนะนำใช้ Povidine solution หรือที่รู้จักกันในนาม Betadine ) โดยหยดยาฆ่าเชื้อลงบนสำลีหรือไม้พันสำลีสะอาด(ไม่ควรนำมือไปสัมผัสกับสำลีในส่วนที่เราจะนำไปเช็ดกับบาดแผล หากเป็นไม้พันสำลีให้จับที่ก้านไม่จับตรงส่วนที่เป็นสำลีเพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลได้) เช็ดเป็นวงรูปก้นหอยจากส่วนในแผลออกสู่ส่วนรอบนอกของแผลให้เช็ดไปในทิศทางเดียว
ไม่ควรเช็ดถูวนไปมา ใช้สำลีชุบยาฆ่าเชื้อก้อนใหม่ทำความสะอาดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง(ใช้สำลี 1 ก้อนหรือไม้พันสำลี 1 ด้านต่อการเช็ด 1 ครั้ง)
3.หากเลือดยังไม่หยุดไหลให้ใช้ยาจำพวก Topical Astringent (ยาใช้เฉพาะที่ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยในการหดตัวของเนื้อเยื่อและหลอดเลือด) เช่น Calamine lotion ,Witch hazel ทาบริเวณปากแผล
4.กรณีไม่มียาดังข้อ 2.อาจใช้วิธีการพื้นบ้าน เช่น ใช้ใบสาบเสือล้างให้สะอาดนำมาขยี้ปิดปากแผล ,ใช้ยาเส้นพอกปิดปากแผล  ,ฯลฯ
5.ภายหลังจากเลือดหยุดไหล(เลือดควรหยุดไหลภายหลังจากได้ทำการห้ามเลือดดังข้อต่างๆข้างต้นในเวลาประมาณ 5 – 15 นาทีแต่หากเลือดไม่ยอมหยุดก็ให้ทำตามคำแนะนำด้านบนต่อไปก่อนจนกว่าเลือดจะหยุดไหล) แล้วให้ทำความสะอาดบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อซ้ำอีกรอบหนึ่งแล้วปิดปากแผลด้วยพลาสเตอร์ยาหรือผ้า gauze สะอาด กรณีแผลมีการอักเสบติดเชื้อในภายหลัง(เกิดขึ้นได้หากบาดแผลปนเปื้อนเชื้อโรคซึ่งมีอยู่ในดินหรือน้ำตามแหล่งต่างๆตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวของเราหรือแม้แต่ในอุปกรณ์ต่างๆที่เรานำมาใช้ในการห้ามเลือดก็อาจมีเชื้อโรคอยู่เช่นเดียวกัน) อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับยาปฏิชีวนะมารับประทานต่อไป

      เป็นอย่างไรกันบ้างครับหลังจากอ่านเรื่องราวเบาะๆเกี่ยวกับ“ทาก”และ“ปลิง” ที่ชมรมขนหัวลุก......เอ๊ย!!.....ที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม( www.Thongteaw.com ) ได้พยายามค้นคว้ามาให้กันไปแล้ว เริ่มรู้สึกกระตือรือร้นที่จะป้องกันตัวจากเจ้าผีดูดเลือดตัวน้อยๆเหล่านี้บ้างหรือยังเอ่ย? ท้ายที่สุดก่อนจะกล่าวคำอำลาเราก็ขอส่งใจมาอวยพรให้ทุกๆท่านท่องเที่ยวป่าหน้าฝนได้อย่างสนุกสนานและสุขใจ ระมัดระวังรักษาตนเองให้ปลอดภัยจากสิ่งร้ายๆต่างๆทั้งปวง............แล้วพบกันใหม่ในบทความอื่นๆครับ





 


แผนผังเว็บไซต์ (Site Map)


Copy right © 2008 - 2010 by Thongteaw.com - All Rights Reserved
เลขทะเบียนพาณิชย์อิเล็คโทรนิคส์ 3102201494154