| ประเพณีแห่เทียนพรรษา อ.เมือง   จ.นครราชสีมา    (ดูภาพด้านล่าง)
 
 
หมายเหตุ : เนื้อหาและรูปภาพในหัวข้อประเพณีแห่เทียนพรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมานี้ มีด้วยกันทั้งหมด 2 หน้า ท่านสามารถ click link ตัวเลขที่ด้านล่างสุดของหน้า เพื่อชมข้อมูลและรูปภาพในหน้าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
 
 
 
 “พุทธศาสนา”  เป็นศาสนาซึ่งอยู่เคียงคู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทยมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยสุโขทัย  มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต , วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของปวงชนชาวไทยหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น  “ความเมตตากรุณา” ที่ทำให้คนไทยในสมัยเก่ามีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากคนอื่น  ๆ , “ความซื่อสัตย์” ซึ่งทำให้ผู้คนในสังคมอดีตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุกปราศจากการโกหก  หลอกลวง หรือฉ้อฉลจนก่อเกิดความวุ่นวายมากมายดังเช่นที่เป็นอยู่ทุก ๆ วันนี้ ,  คำสอนเรื่อง “ไตรลักษณ์”  ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ประกอบอยู่ด้วย “ความไม่เที่ยง  – เป็นทุกข์  –  ไม่มีตัวตน” ทำให้คนรู้จักมีสติ ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท  ไม่ละโมบโลภมาก รู้จักพอ.....เพราะตระหนักดีว่าตอนตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ , ฯลฯ
 
 
 
                      
                        |  |  
                        | ไม่อยากเดินทางไกลไปถึงเมืองอุบลฯ ก็ขนครอบครัวมาดู "ประเพณีแห่เทียนพรรษา" ที่   "โคราช" ก็ได้
 |  
 
                      
                        |  |  
                        | ....................สีสันแห่งอีสาน.................... |  
 
       แม้ว่าในปัจจุบันนี้คำสอน –  แนวปฏิบัติของพุทธศาสนาจะถูกละเลยจากคนไทยบางกลุ่มซึ่งอวดอ้างตนว่าเป็น “พุทธศาสนิกชน”  ไปมากแล้วก็ตาม แต่เมื่อเวลาเวียนมาบรรจบครบรอบวันสำคัญทางศาสนาพุทธอีกครั้งก็อาจถือเป็นโอกาสอันดีที่ชาวพุทธ (ที่แท้จริง) จะได้ทบทวนถึงหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วน้อมนำมาปฏิบัติให้เกิดความสงบสุขแก่ชีวิต  – จิตใจของตนเอง รวมถึงเพื่อยังประโยชน์เกื้อหนุนให้เกิดความผาสุกแก่สังคมส่วนรวมอีกทางหนึ่งด้วย  
 
 
                      
                        |  |  
                        | ขบวนแห่ "ตัวอย่างงานประเพณีต่างๆ" ในเทศกาลเข้าพรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา |  
 
                      
                        |  |  
                        | ....................งดงามอย่างไทย.................... |  
 “วันอาสาฬหบูชา”  – “วันเข้าพรรษา”  คือ ช่วงวัน – เวลาสำคัญทางพุทธศาสนาที่มีการจัดงานบุญประเพณีอันยิ่งใหญ่ในหลายจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย  และในครั้งนี้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com)  จะขออาสาพาทุกๆ ท่านไปสัมผัสกับบรรยากาศของ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา  จ.นครราชสีมา (โคราช)”  ที่ถึงแม้ว่าจะไม่อลังการงานสร้างอย่าง “ประเพณีแห่เทียนพรรษา  จ.อุบลราชธานี” แต่ก็ถือได้ว่ามีคุณค่าน่าชื่นชมไม่น้อยไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่เลยทีเดียว  (ท่านสามารถรับชมภาพถ่ายและข้อมูลโดยละเอียดของงาน “ประเพณีแห่เทียนพรรษา  จ.อุบลราชธานี” ได้ในหัวข้อ “ท่องเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี” หรือจะเลือกคลิ๊ก link “ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง”  ซึ่งในหน้าสุดท้ายของบทความ “ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.นครราชสีมา” ชิ้นนี้ก็ได้ครับ)
 
 
 
 
 
                          
                            |  |  
                            | จากแรงศรัทธานำมาสู่งานประเพณีอันยิ่งใหญ่ |  
 
                          
                            |  |  
                            | ...............ความภาคภูมิใจของชาวโคราช............... |  
 
 ก่อนที่จะไปอ่านข้อมูลงานประเพณีแห่เทียนพรรษา  จ.นครราชสีมา ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมขออนุญาตทบทวนความสำคัญของ “วันอาสาฬหบูชา”  และ “วันเข้าพรรษา” เพื่อประกอบความเข้าใจดังนี้
        “อาสาฬหบูชา”  หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญ (ขึ้น 15 ค่ำ)  เดือน 8 ของปฏิทินทางจันทรคติซึ่งจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนา  เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”  แก่เหล่าปัญจวัคคีย์ผู้ที่เคยอุปัฏฐากพระองค์ในขณะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา และจากธรรมเทศนานี้เองได้ทำให้ท่าน  “โกณฑัญญะ” ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าปัญจวัคคีย์เกิดดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบัน  หลังจากนั้นท่านโกณฑัญญะจึงได้กราบทูลต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอบรรพชาอุปสมบทเป็นพระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกในพุทธศาสนา  เราสามารถสรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นแยกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้ คือ        1.  เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเริ่มต้นประกาศพุทธศาสนาต่อชาวโลกเป็นครั้งแรก  (ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก)2.  เป็นวันที่มีพระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก
 3.  เป็นวันที่มีพระรัตนตรัยเกิดขึ้นครบสมบูรณ์ทั้ง 3 ประการ คือ พระพุทธ , พระธรรม และพระสงฆ์
        แต่ดั้งเดิมนั้นไม่เคยมีการประกอบพิธีอาสาฬหบูชามาก่อน  จวบจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2501 “คณะสังฆมนตรี”  แห่งประเทศไทย (“คณะสังฆมนตรี” เทียบได้กับ “มหาเถรสมาคม” ในปัจจุบันครับ)ได้กำหนดให้วันเพ็ญ  (ขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 8 เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาในฐานะของ  “วันอาสาฬหบูชา” พร้อมทั้งกำหนดพิธีอาสาฬหบูชาขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับ “วันวิสาขบูชา”  อันเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาสากลทั่วโลก 
 
 
                          
                            |  |  
                            | พระบรมรูปเทียนหล่อของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช" |  
 
                          
                            |  |  
                            | ขบวนเทียนพรรษาหลายแบบ.....หลากรูปลักษณะ   มาร่วมแห่แข่งขันประชันกันบนถนนรอบเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา
 |  
 
 
       เนื้อหาโดยสรุปของ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”  ซึ่งเป็นพระสูตรแรกแรกที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงขึ้นในโลกนั้นมีใจความสำคัญอยู่  2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่       1. มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง) พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธแนวปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมและไม่สามารถทำให้เข้าถึงความดับทุกข์ทั้งปวงได้  2 ประการ คือ “กามสุขัลลิกานุโยค” การประกอบตนให้พัวพันอยู่ด้วยความสุขในกามทั้งหลาย  เป็นการปฏิบัติที่ย่อหย่อน.....สบายกายมากเกินไป และ “อัตตกิลมถานุโยค”  การกระทำความเหน็ดเหนื่อย.....ยากลำบากแก่ตนจนทุกข์ทรมานกายมากเกินไป  แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงถึงแนวปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์อันเหมาะสม ได้แก่ “มัชฌิมาปฏิปทา”  ทางสายกลางซึ่งไม่ตึงหรือย่อหย่อนจนเกินไป สามารถปฏิบัติได้โดยยึดแนวทางของ “อริยมรรค”  มีองค์ 8 (ปัญญาเห็นชอบ  1, ความดำริชอบ 1, เจรจาชอบ 1, การงานชอบ 1, เลี้ยงชีพชอบ 1, พยายามชอบ 1, ระลึกชอบ 1, ตั้งจิตชอบ 1) 
 
 
                          
                            |  |  
                            | เรื่องราวตามตำนานต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา ถูกหยิบยกมาถ่ายทอดผ่านงานแกะสลักชั้นครู
 |  
 
                          
                            |  |  
                            | ....................ศิลปะอันประณีตวิจิตรบรรจง.................... |  
 
 2. อริยสัจ 4 เป็นความจริงอันประเสริฐ  4 ประการที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ได้แก่ ทุกข์ (รู้ว่าความทุกข์ทั้งปวง คือ อะไร) , สมุทัย (รู้ว่าสาเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง คือ อะไร) , นิโรธ (รู้ว่าความดับสิ้นจากทุกข์ทั้งปวงเป็นอย่างไร)  และ มรรค (รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เข้าถึงซึ่งความดับสิ้นจากทุกข์ทั้งปวง)
       เนื่องในวาระที่  “วันอาสาฬหบูชา” เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้น้อมนำเอาหลักธรรมดังกล่าวข้างต้นมาพินิจพิจารณาศึกษาให้ละเอียดจนถ้วนทั่ว  แล้วนำเอาความรู้เบื้องต้นที่ได้รับนั้นไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์เป็นความสงบสุขแก่จิตใจของตนเองตามกำลังความสามารถ
 
 
 
 
                          
                            |  |  
                            | ....................ชุมนุมเทวดา นางฟ้าร่ายรำ.................... |  
 
                          
                            |  |  
                            | ตระการตาใน "งานประเพณีแห่เทียนพรรษา" แรม 1 ค่ำ เดือน 8  |  
 สำหรับ  “วันเข้าพรรษา” (แรม 1 ค่ำ  เดือน 8) นั้นเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจาก “วันอาสาฬหบูชา” (ขึ้น 15 ค่ำ  เดือน 8) โดยถือเป็นวันเริ่มต้นช่วงเวลาจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง  3 เดือน (ช่วงเวลาเข้าพรรษาจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ  เดือน 11) การจำพรรษานี้เป็นข้อปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์โดยตรงที่จำเป็นต้องพำนักอยู่ในวัด  (หรือ ศาสนสถาน)  เพียงแห่งเดียวไม่สามารถไปค้างแรม ณ สถานที่แห่งอื่นๆ ได้ (คำว่า “พรรษา”  มีความหมายว่า ฝน, หน้าฝน หรือฤดูฝน ส่วน “จำ” นั้นหมายถึง  พักอยู่, ผูก, ขัง การจำพรรษาจึงหมายถึงการพักอยู่ประจำในช่วงฤดูฝน) เว้นแต่ในกรณีมีเหตุจำเป็นตามพระวินัย เช่น สหธรรมิก(ผู้มีธรรมอันร่วมกัน , ผู้ประพฤติธรรมร่วมกัน) หรือ  บิดามารดาป่วยต้องไปรักษาพยาบาล , สหธรรมิกกระสันจะสึกต้องไปเพื่อระงับ ,  ทายกบำเพ็ญกุศลลงมานิมนต์ไปเพื่อบำรุงศรัทธา เป็นต้น
 
 
 
 
 
 
 มูลเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธบัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่จำพรรษานั้นเนื่องมาจากในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุสงฆ์จำพวกหนึ่งเที่ยวเดินทางไปมาตลอดฤดูหนาว  – ฤดูร้อน – ฤดูฝนไม่ได้หยุดพัก เมื่อคราวฝนตกผืนแผ่นดินชุ่มฉ่ำด้วยน้ำก็เที่ยวเหยียบย่ำข้าวกล้าหญ้าระบัด  (ระบัด : อ่อน , แรกผลิ , เพิ่งผลิ)  อีกทั้งสัตว์แมลงเล็ก ๆ จนได้รับความเสียหายเป็นอันตรายจำนวนมาก  ประชาชนทั้งหลายพากันตำหนิติเตียนว่า “แม้แต่พวกเดียรถีย์ปริพาชก  (นักบวชนอกพุทธศาสนา) เขายังหยุด.....ที่สุดแม้นนกยังรู้จักทำรังบนยอดไม้อาศัยหลบหลีกฝน เหตุใดสมณะศากยบุตรจึงเทียวไปเทียวมาอยู่ได้ทั้ง  3 ฤดู เหยียบย่ำหญ้า , ต้นไม้ อีกทั้งสัตว์เล็ก ๆ  ทั้งหลายให้ล้มตายเป็นอันมากเยี่ยงนี้” เมื่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นจึงนำความขึ้นกราบทูลพระพุทธองค์  พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่บัดนั้น
 
 
 
 
 
                          
                            |  |  
                            | ....................ธำรงคุณค่าความเป็นไทย.................... |  
 
                          
                            |  |  
                            | ต้นเทียนที่รังสรรค์ขึ้นด้วยดวงใจ.....น้อมถวายเป็นพุทธบูชา |  
 ชาวไทยซึ่งนับถือพุทธศาสนาได้สืบทอดธรรมเนียมวิธีปฏิบัติการทำบุญวันเข้าพรรษามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย  โดยชาวบ้านจะจัดสำรับอาหารทั้งคาวหวานไปถวายพระภิกษุสงฆ์ฯล (บางคนก็จะนำข้าวของเครื่องใช้ต่าง  ๆ เช่น ไตรจีวร , ผ้าห่มนอน , ยารักษาโรค ,ฯ ไปถวาย)  แต่สิ่งที่ทำให้ประเพณีการทำบุญวันเข้าพรรษาแตกต่างจากการทำบุญในช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนาอื่น  ๆ ก็คือ การถวาย “ผ้าอาบน้ำฝน”  และ “อุปกรณ์เครื่องส่องสว่างต่าง ๆ (เช่น  เทียน , น้ำมัน , ตะเกียง , หลอดไฟ เป็นต้น) ”
 
 
 
 
                    
                      |  |  
                      | ...............งดงามงานปฏิมา ในแสงสนธยายามเย็น............... |  
 
 
       ความเป็นมาของ “ผ้าอาบน้ำฝน”  นั้นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล โดยแรกเริ่มเดิมทีพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์ใช้ผ้าได้เพียงแค่  3 ผืน คือ ผ้าสังฆาฏิ 1, ผ้าห่ม 1  และผ้านุ่ง 1 ครั้นเมื่อถึงช่วงฤดูฝนพระภิกษุสงฆ์บางรูปจะอาบน้ำฝนก็ไม่มีผ้าจะนุ่งอาบจึงเปลือยกายอาบน้ำ  วันหนึ่งนางวิสาขาให้สาวใช้ไปทำธุระที่วัดขณะฝนตก  สาวใช้เห็นพระภิกษุสงฆ์เปลือยกายอาบน้ำฝนจึงนำความกลับมาเล่าให้นางวิสาขาฟัง  นางวิสาขาจึงกราบทูลพระพุทธองค์ขอถวายผ้าอาบน้ำฝน พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาตและได้ทรงกำหนดกรอบเวลาในการแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน  –  รับการถวายผ้าอาบน้ำฝนให้พระภิกษุสงฆ์ถือปฏิบัติเป็นกิจวัตรนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  (พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์แสวงหาผ้าอาบน้ำฝน  – รับการถวายผ้าอาบน้ำฝนได้ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 จนถึงกลางเดือน 8) 
 
 
                          
                            | ประเพณีแห่เทียนพรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา   หน้า 1 2
 
 |  
 
 
 
 
 |